วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ปรับแต่ง Windows 7 ให้เบาเครื่องวิ่งฉิ่วดังใจ

ปรับแต่ง Windows 7 ให้เบาเครื่องวิ่งฉิ่วดังใจ

เผยแพร่: May 7, 2011 โดย adminไฟล์ ภายใต้: ความรู้ computerViews: 99498 Tags: ปรับแต่ง Windows 7

windows_7
Windows 7 ด้วยพื้นฐานจะเป็น Windows ที่จัดว่าสวยงาม ทำงานได้รวดเร็ว เรียกว่าเป็น Windows ที่น่าใช้กว่า Windows อื่นๆ ที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกับ Windows อื่นๆ คือเมื่อเริ่มใช้มันก็เร็วทันใจ แต่เมื่อใช้ไปนานๆเข้า ทั้งการติดตั้งโปรแกรม การ Uninstall โปรแกรมบ่อยครั้ง การเล่นอินเตอร์เน็ต และอีกหลายๆ อย่าง ก็จะเป็นตัวทำให้ Windows ของคุณ เริ่มทำงานอึดขึ้น ช้าไม่ทันใจมันหน่วงๆ เครื่อง ทิปนี้จะมาแนะนำการกำจัดสิ่งที่ทำให้ Windows 7 ของคุณทำงานช้า ให้มาทำงานรวดเร็ว เหมื่อนเดิม เมื่อติดตั้งใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องไปติดตั้งโปรแกรมประเภทยูทิลิตี้อื่นๆ มาช่วยให้หนักเครื่องเข้าไปอีก

ทิปที่จะมาแนะนำคุณๆ ในที่นี่ผมจะแบ่งเป็นตอนๆ ทั้งหมด 3 ตอน มาเริ่มตอนที่แรกเลยครับ
1. เพิ่มความเร็วใน การเปิดและปิดเครื่อง
การลบ Prefetch Cache
การปรับแต่งขั้นตอนบูตของวินโดวส์จะช่วยให้วินโดวส์เริ่มต้นทำงานเร็ว ขึ้น Prefetch Cache ที่เก็บไว้ที่ วินโดวส์เรียกมาใช้ ตอนบูตและตอนทำงานปกติ แต่เมื่อใช้ไปนานๆ เข้าเจ้าแคชที่ว่านี้ก็ขยายใหญ่ขึ้น ทำให้วินโดวส์อ่านไฟล์แคชนี้นานขึ้น ฉะนั้นผมแนะนำให้เข้าไปลบข้อมูลในโฟลเดอร์นี้เป็นประจำเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อให่วินโดวส์ทำงานได้เร็วขึ้น ส่วนวิธีการเข้าถึงก็ไม่ยาก
ให้พิมพ์ c:\windows\prefetch ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter ตัว Windows Explorer ก็จะเปิดมาที่โฟลเดอร์ Prefetch ให้กดคีย์ Ctrl+A เลือกไฟล์ทั้งหมดแล้วกด Delete เพื่อลบไฟล์ คุณไม่ต้องกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการทำงานของเครื่อง
image
ควบคุมการใช้ Prefetch ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
จากการที่แนะให้ลบ Prefetch Cache นั้น เรายังสามารถควบคุมการใช้ Prefetch Cache ให้ได้ประสิทธิภาพได้อีก โดยใช้วิธีตั้งค่าที่ Registry
  1. ให้พิมพ์ regedit ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter เพื่อเปิด Registry Editor ขึ้นมาทำงาน
  2. ไปตามคีย์ย่อยในหน้าต่างด้านซ้ายมือ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\Memory Management\PrefetchParameters
  3. ให้ดูที่หน้าต่างด้านขวามือหาคีย์ EnablePrefetcher ซึ่งเป็นตัวบอกสถานภาพการทำงานของ Prefetch Cache คุณสามารถเปลี่ยนค่าให้เหมาะสมกับเครื่องได้โดยดับเบิลคลิกที่คีย์นี้ จะมีหน้าต่าง Edit DWARD Value ให้คุณใส่ตัวเลขที่ช่อง Value data: ซึ่งค่าตัวเลขนี้เป็นตัวกำหนดการทำงานของ Prefetch ส่วนความหมายของตัวเลขต่างๆ คือ
0- ยกเลิกการทำงาน
1- สำหรับการทำงานโปรแกรมต่างๆของวินโดวส์เท่านั้น
2- สำหรับการ Boot เท่านั้น
3- สำหรับการทำงานโปรแกรมต่างๆของวินโดวส์และการ Boot (แนะนำค่านี้เพื่อให้ระบบทำงานแบบประสิทธิภาพที่ดี)
image
Defragment Boot File
นอกจากการปรับแต่ง Prefetch แล้วคุณสามารถเพิ่มความเร็วในการบูตเครื่องได้อีกวิธีหนึ่ง คือการ Defragment Boot file หรือการจัดระเบียบข้อมูลสำหรับการบูต วิธีทำง่ายๆ ครับ
  1. ให้พิมพ์ cmd ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Ctrl + Shift + Enter เพื่อเปิดหน้าต่าง Command Line ในสิทธิ Administrator
  2. พิมพ์คำสั่ง defrag -b %SystemDrive% แล้วกดคีย์ Enter… Windows 7 จะทำการ Defragment เมื่อทำเสร็จแล้ว เวลาบูตเครื่องจะช่วยลดระยะเวลาบูตให้น้อยลง เนื่องด้วยไฟล์ระบบได้จัดการเรียงตัวกันอย่างต่อเนื่อง
image


จากทิปบทความตอนที่แล้วในการทำให้ Windows 7 วิ่งฉิ่วในการเพิ่มความเร็วในการเปิดและปิดเครื่อง มาต่อกันในทิปบทนี้ว่าด้วย “ทำอย่างไรให้ Windows 7 มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ทำอย่างไรให้ Windows 7 มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อตอนที่แล้วผมจะกล่าวถึงการเปิดปิดวินโดวส์ให้รวด เร็วขึ้น คุณๆ อ่านแล้วทำตามหรือยังครับ คราวนี้จะมาเน้นด้านประสิทธิภาพโดยรวมหรือที่เรียกว่า Performance ใน การที่จะทำให้ Performance ของ Windows 7 เพิ่มขึ้นนั้นมีอยู่หลายจุด ถ้าคุณๆ ทำครบทุกจุด ตามที่จะกล่าวต่อไปนี้ ผมรับรองเครื่องคุณจะเบาหวิว การทำงานจะรวดเร็ว เพราะคุณได้ปิดจุดที่ขัดขวางการทำงานของ Windows 7 ให้เหลือน้อยที่สุด
ยกเลิก Services ที่ไม่จำเป็น
ส่วนสำคัญของ Windows 7 ที่ทำให้ Windows 7 มีฟีเจอร์หลากหลาย ลูกเล่นมากมายก็คือบรรดา Services ต่างๆ ที่ Windows 7 เปิดทำงานอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ Services ทุกตัวที่ผู้ใช้ได้ใช้ประโยชน์ มีอยู่หลาย Services ที่เปิดทำงาน แต่ไม่มีการใช้งานเลย ทำให้ Performance โดยรวมของ Windows 7 ลดน้อยลง
  1. พิมพ์ services.msc ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter
  2. ที่หน้าต่าง Services จะเห็นรายการ Services ทั้งหมดของ Windows 7 ทางหน้าต่างด้านขวามือ ถ้าต้องการทราบรายละเอียดของ Services ตัวไหนก็ให้คลิกที่ Services ตัวนั้น จะมีรายละเอียดให้อ่านทางกลางของหน้าต่าง
  3. ให้ดับเบิลคลิกที่ Services ที่ต้องการยกเลิกหรือคลิกขวาที่ Services เลือกคำสั่ง Properties
    image
  4. ที่หน้าต่าง Properties ของ Services คลิกที่ Drop Down Menu หลังรายการ Startup Type: ให้เลือก Disabled
    image
  5. คลิกปุ่ม Start ที่ใต้รายการ Service status: แล้วคลิกปุ่ม OK เท่านี้คุณก็ยกเลิก Servicesที่ไม่ต้องการได้แล้ว
Services ที่ยกเลิกได้
Services ตามรายการข้างล่างนี้ เป็น Services ส่วนน้อยของ Windows 7 ที่ทดสอบแล้วว่าสามารถยกเลิกได้ โดยจะทำให้ใช้ฟีเจอร์บางตัวไม่ได้ แต่จะทำให้การทำงานโดยรวมลื่นไหลมากขึ้น คุณลองพิจารณาดูว่าตัวไหนที่สมควรยกเลิก ก็เลือกเอาตามความเหมาะสมของเครื่องคุณ
  • Application Experience
    ทำหน้าที่ตรวจสอบและซ่อมแซ่มโปรแกรมที่มีปัญหาของ Windows 7
  • Computer Browser
    เป็นตัวช่วยในการอัปเดทของ Browser
  • Error Reporting Service
    ทำหน้าที่ส่งข้อมูลหรือรายงานให้ไมโครซอฟท์ทราบเวลาเครื่อง Error
  • Desktop Window Manager Session Manager
    ดูแลจัดการ Themes,Background ของ Windows 7
  • Diagnostic Policy Service
    วิเคราะห์และช่วยตรวจสอบปัญหาของ Services และ Components ต่างๆ ของ Windows.
  • IP Helper
    ทำให้เครื่องซัพพอร์ท IPv6 ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายกับ ISP แต่ปัจจุบันมีน้อยมากที่ใช้
  • IPv6IPsec Policy Agent
    เป็น Service ที่ IPS จะต้องการใช้เพื่อเพื่อความปลอดภัยในการติดต่อกันระหว่าง ISP กับเครื่องของลูกค้า
  • Offline Files
    ทำให้ใช้ Internet แบบ offline
  • Network List Service
    ทำหน้าที่เป็นตัวระบุการติดต่อ Network และดูแลคุณสมบัติของ Network เมื่อมีการแปลื่ยนแปลงของไฟล์หรือโปรแกรมใน Network ก็จะแจ้งให้ทราบ
  • Portable Device Enumerator Service
    ดูแลการถ่ายโอนข้อมูลไฟล์ Media ในอุปกรณ์ Removeable เช่น ไฟล์ Windows Media Player , รูปภาพ
  • Print Spooler
    เป็นตัวเก็บข้อมูลที่จะพิมพ์ไว้ก่อน ในกรณี Printer กำลังพิมพ์งานอื่นอยู่ เมื่อพิมพ์งานแรกเสร็จก็จะพิมพ์งานอื่นๆ ที่เก็บใน Print Spooler ต่อๆไป ทำให้คุณสามารถสั่งให้ Printer งานได้มาก
  • Distributed Link Tracking Client
    เป็น Service ที่ทำหน้าที่ ดูแลไฟล์ NTFS ที่อยู่ในเครื่องคุณกับเครื่องที่อยู่ในระบบเครือข่าย
  • Protected Storage
    ให้การป้องกันการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ เช่น รหัสผ่านเพื่อป้องกันการเข้าใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • Remote Access Connection Manager
    ทำหน้าที่ดูแลการต่อของ Dial-up และ VPN (Virtual Private Network)
  • Secondary Logon
    ช่วยให้สิทธิของยูสเซอร์คนอื่นๆ Log on เข้าระบบได้
  • Server
    เป็นตัวช่วยให้เครื่องแชร์ไฟล์และ Printer ในระบบ LAN
  • Shell Hardware Detection
    เป็นตัวช่วยให้วินโดวส์แสดงหน้าต่าง Auto Play ขึ้นมาเมื่อคุณเสียบอุปกรณ์ประเภท USB Drive, CD ,DVD ,Removable storage
  • Tablet PC Input Service
    เป็นตัวทำให้ใช้อุปกรณ์พวก Tablet PC , Pen
  • Themes
    ทำให้ Windows 7 ใช้ฟีเจอร์ Aero Glass , Theme ได้
  • · TCP/IP NetBIOS Helper
    ให้การสนับสนุนสำหรับ NetBIOS over TCP / IP (NetBT) เป็นการบริการ NetBIOS สำหรับผู้ใช้ในเครือข่าย ช่วยให้ผู้ใช้ไฟล์ร่วมกัน และการเข้าสู่ระบบเครือข่าย
  • Windows Search
    ข่วยการค้นหาไฟล์ อีเมล และเนื้อหาอื่นๆ
  • Remote Registry
    ช่วยให้ผู้ใช้ Remote จากที่คอมฯ เครื่องอื่นๆ เข้ามาแก้ไขการตั้งค่ารีจิสทรีในคอมฯ ได้
  • Windows Time
    ควบคุมดูแล การปรับวันที่และเวลา สำหรับเครื่อง Clients และ Services ในระบบเครือข่าย ทั้งหมด
  • Windows updates
    ช่วยตรวจสอบให้ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมปรับปรุงสำหรับ Windows และโปรแกรมอื่นๆ
  • Windows firewall
    ช่วยปกป้องคอมฯ ของคุณโดยป้องกันผู้ใช้ไม่ได้รับอนุญาตจากการเข้าถึง เครื่องของคุณผ่านอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย
  • Windows Image Acquisition
    เป็นตัวช่วยจัดการการติอต่อระหว่าง Scanner และ กล้องดิจิตอล

มาถึงตอนที่ 3 แล้วครับสำหรับการทำให้เครื่องเบาแรงวิ่งฉิ่ว มาตอนนี้จะพูดถึง ขยะๆ แต่ไม่ใช่ขยะที่เหม็นๆนะ แต่เป็นไฟล์ขยะที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์ ในตอนที่ชื่อ มาทำความสะอาด Windows 7
มาทำความสะอาด Windows 7
ระบบของวินโดวสนั้นจะมีข้อมูลที่เรียกว่าไฟล์ขยะสะสมอัดแน่นอยู่ภายในมาก มาย ซึ่งจะส่งผลเสียให้คุณเสียเวลาในการใช้งาน เพราะฮาร์ดดิสก์ต้องทำงานหนักเพื่อจะหาข้อมูลสักหนึ่งอย่าง และยังต้องเสียพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ให้กับข้อมูลของวินโดวส์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ ถามว่าเจ้าไฟล์ขยะมันมาจากไหน ก็มาจากการที่คุณติดตั้งโปรแกรมหรือ Uninstall โปรแกรมมากเท่าใด ไฟล์ขยะพวกนี้ก็จะมากขึ้นทุกที แล้วพวกที่ท่องอินเตอร์เน็ตอีก ไฟล์ขยะที่เรียกว่า Internet Cache Files ก็มากขึ้นด้วย ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่จะลบพวกไฟล์ขยะออกจากคอมฯ ของคุณๆ กัน โดยใช้ฟีเจอร์ของ Windows 7 ไม่ต้องใช้โปรแกรมอื่นๆ ช่วย จะได้ทำงานได้ลื่นไหลขึ้น โดยจะทำการลบพวกไฟล์ขยะจากจุดที่สะสมของไฟล์พวกนี้ได้แก่
  • ลบไฟล์ที่ Temp Directory
  • ลบไฟล์ที่ Software Distribution
  • ลบไฟล์ Internet Cache Files
  • ลบไฟล์ที่ Windows TEMP Directory
  • ลบไฟล์ที่ Recycle Bin
วิธีทำก็มีดังต่อไปนี้…
ลบไฟล์ที่ Temp Directory
  1. พิมพ์ %temp% ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดคีย์ Enter
  2. Windows Explorer จะเปิดขึ้นมาโดยไปที่พาธ Temp Directory ซึ่งเป็นที่เก็บไฟล์ชั่วคราวต่างๆ ให้กดคีย์ Ctrl + A เพื่อทำ Highlight เลือกทุกโฟลเดอร์ทุกไฟล์ที่ช่องด้านขวาของหน้าต่าง แล้วกดคีย์ Shift + Delete เพื่อลบไฟล์ทั้งหมด การลบไฟล์แบบนี้จะเป็นการลบไฟล์แบบที่ไฟล์จะไม่ส่งไปที่ Recycle Bin อีก
clip_image003
ลบไฟล์ที่ Software Distribution
ไฟล์ที่นี่จะเป็นไฟล์อัปเดทที่ Windows 7 ดาวน์โหลดมาเพื่ออัปเดทจุดบกพร่องของตัว Windows เมื่ออัปเดทแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟล์พวกนี้อีกต่อไป
  1. ให้เปิดหน้าต่าง Windows Explorer แล้วพิมพ์พาธ ข้างล่างนี้ลงไปใน Address Bar.. C:\Windows\SoftwareDistribution\Download ตามด้วยกดคีย์ Enter
  2. จะเห็นโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์อัปเดท ให้กดคีย์ Ctrl + A เพื่อทำ Highlight เลือกทุกโฟลเดอร์ทุกไฟล์ที่ช่องด้านขวาของหน้าต่าง แล้วกดคีย์ Shift + Delete เพื่อลบไฟล์ทั้งหมด การลบไฟล์แบบนี้จะเป็นการลบไฟล์แบบที่ไฟล์จะไม่ส่งไปที่ Recycle Bin อีก
clip_image006
เครดิต: http://notebookspec.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น